ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธคุณ-อิทธิคุณ???  (อ่าน 3094 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nookerclub36

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 122
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - nookerclub_16@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • เด็กน้อยแห่งหมู่บ้านคาถาอาคม :)
    • อีเมล
พุทธคุณ-อิทธิคุณ???
« เมื่อ: 19 ก.ย. 2550, 07:17:05 »
ตามหัวข้อครับ  พุทธคุณ ต่างจาก อิทธิคุณอย่างไรครับ  ผูรู้ตอบที  (แร้วพระเคื่องนี่เป็นพุทธคุณ   ส่วนตระกรุดนี่เป็นอิทธิคุณถูกไหมครับ   แร้ว การสักยันต์นี่เป็ฯพุทธคุณหรืออิทธิคุณครับ
ขณะนี้กำลังศรัทธาพ่อขุนแผน ใครมีเยอะจะแบ่งให้ ก็จะขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
ขอตั้งสัตย์ปฏิญาณแก่ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พระเครื่องแลเครื่องรางของขลังทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้มา จะดีหรือไม่ดีข้าพเจ้าก็จะขอรักษาเท่าชีวิต หากมีผู้ใดมาขอนำไปบูชา� อยากได้ขอให้บอกให้ได้ก็จะให้ (แต้ถ้าเป็นขุนแผนป๋มไม่ยอม~~~)

ออฟไลน์ •••--สายัณ--•••

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1322
  • อัครมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ทุกภพชาติ
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: พุทธคุณ-อิทธิคุณ???
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 20 ก.ย. 2550, 01:41:41 »
พุทธคุณ​ ๙

คำ​ว่า​ ?​พุทธคุณ​? ​เป็นคำ​ที่ชาวพุทธคุ้นหูกันเป็นอย่างดี​ แต่เชื่อว่าหลายคนยังไม่เข้าใจคำนี้​ได้อย่างถูกต้องนัก​ดังนั้น​จึงขอนำมาอธิบายขยาย​ความ​ไว้ในที่นี้ โดยใน พจนานุกรมพุทธศาสน์ของรองศาสตราจารย์ดนัย​ไชยโยธา ได้ให้​ความหมายไว้​ว่า​

พุทธคุณ ๙ คือ​คุณ​ความดีของพระพุทธเจ้า​๙ ประการ ​ดังที่นักปราชญ์ได้ร้อยกรอง​เพื่อใช้เป็นบทสวดสรรเสริญพระคุณอันประเสริฐไว้​ดังนี้​

๑. ​อรหํ เป็นพระอรหันต์​มีคำแปล​และ​ความหมายอย่างน้อย​๔ ประการ​ดังนี้​

๑.๑ ​เป็นผู้ควร​คือ​ผู้ทรงสั่งสอนสิ่งใด​ก็ทรงทำสิ่งนั้นได้​ด้วย เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์​

๑.๒ ​เป็นผู้ไกล​คือ​ผู้ทรงไกลจากกิเลส​และ​บาปกรรม​เพราะ​ทรงละได้เด็ดขาดแล้ว​ทั้ง โลภ โกรธ​และ​หลง​

๑.๓ ​เป็นผู้หักซี่กำแพงล้อสังสารวัฏ คือ​ผู้ทรงตัดวงจรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด​อยู่ในสังสารวัฏ​ได้แล้ว​

๑.๔ ​เป็นผู้ไม่มีข้อลี้ลับ​คือ​ผู้ทรงไม่มีบาปธรรม​ทั้งที่ลับ​และ​ที่แจ้ง​ เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น และ​เป็นผู้ควรได้รับความเคารพของ​ผู้​อื่น​

๒. ​สมฺมาสมฺพุทฺโธ เป็นผู้ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง คือ​ทรงตรัสรู้อริยสัจ​ ๔ ​อันได้แก่ทุกข์​สมุทัย​นิโรธ​มรรค​เป็นการค้นพบ​ด้วย​พระองค์เอง ไม่มีครูอาจารย์​เป็นผู้สอน​

๓. ​วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เป็นผู้ทรงเพียบพร้อมด้วย​วิชชา​และ​จรณะ คือ มีวิชชา​ความรู้ตั้งแต่​ความรู้ระดับพื้นฐาน​จนกระทั่งความรู้ระดับสูงสุด​และ​มีจรณะ​ความประพฤติดีประพฤติได้ตามที่ทรงรู้​เช่น​ความสำรวมในศีล​เป็นต้น​

๔. ​สุคโต​เป็นผู้เสด็จไปดี​คำว่า?ไปดี? มีความหมายหลายนัย​คือ​

๔.๑ ​เสด็จดำเนินตามอริยมรรคมีองค์แปด​อันเป็นทางเดินที่ดี​
๔.๒ ​เสด็จไปสู่พระนิพพาน​อันเป็นสภาวะที่ดียิ่ง​
๔.๓ ​เสด็จไปดีแล้ว​เพราะ​ทรงละกิเลส​ได้โดยสิ้นเชิง​
๔.๔ ​เสด็จไปปลอดภัยดี​เพราะ​เสด็จไปบำเพ็ญประโยชน์​แก่สัตว์โลก​

๕. ​โลกวิทู เป็นผู้ทรงรู้​แจ้งโลก​คือ ทรงรอบรู้โลกทางกายภาพ​เช่น​โลกมนุษย์​สัตว์โลก​สังขารโลก​โอกาสโลก​และทรงรู้โลกภายใน​คือทุกข์​และการดับทุกข์​

๖. ​อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เป็นสารถีผู้ทรงฝึกคน​ได้อย่างยอดเยี่ยม​คือ​พระองค์ทรงรู้นิสัย(ความ​เคยชิน) ​อุปนิสัย (มี​แวว) ​อธิมุตติ(ความ​ถนัด) ​อินทรีย์​(ความ​พร้อม)  ของบุคคลระดับต่างๆ​และทรงฝึกสอน​ด้วยเทคนิควิธีการที่เหมาะแก่ความเคยชินแววถนัด​และความพร้อมของเขาให้บรรลุมรรคผล​เป็นจำนวนมาก​

๗. ​สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เป็นศาสดาของเทวดา​และมนุษย์ทั้งหลาย​คือ​พระองค์ทรงประกอบ​ด้วยคุณสมบัติที่ควรเป็นครูของบุคคลในทุกระดับชั้น​เพราะ​พระองค์ทรงรอบรู้​และ​ทรงสอนคนได้ทุกระดับ​ทรงสอนด้วยความเมตตา​ มิใช่​เพื่อลาภสักการะและคำสรรเสริญ​แต่ทรงมุ่งความถูกต้อง​และประโยชน์สุขของผู้ฟังเป็นใหญ่ ทรงสอนให้เหมาะสม​กับ​อัธยาศัยของผู้ฟัง และ​ทรงทำได้​ตามที่ทรงสอน​นั้นด้วย​

๘. ​พุทฺโธ เป็นผู้ตื่น​ผู้เบิกบาน​คือ พระองค์ทรงตื่นเอง​จาก​ความเชื่อถือ​และ​ข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ยึดถือกันมาผิดๆ​ด้วยทรงรู้จักฐานะ​คือ​เหตุที่ควร​เป็นเปรียบได้กับ​คนตื่น​จากหลับแล้ว​ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้น​จากความหลงงมงาย​ด้วย​อนึ่งพระองค์ทรงตื่นแล้ว​เป็นอิสระจากอำนาจของโลภ​ ​โกรธ หลง​แล้ว​เมื่อทรงตื่นแล้วก็ทรงแจ่มใสเบิกบาน​มีพระทัยบริสุทธิ์สะอาด​

๙. ​ภควา​เป็นผู้มีโชค​ผู้ทรงแจกแบ่งธรรม​คือพระองค์ทรงเพียบพร้อมไป​ด้วยคุณธรรมทั้งหลาย​อันเป็นผลสัมฤทธิ์​แห่งพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญมา​นับ​เป็นผู้มีโชคดีกว่าคนทั้งปวง​​เพราะพระองค์ทรงทำ​การใดก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ​ ส่วน​?ภควา? แปลว่า?ทรงแจกแบ่งธรรม? หมายถึง​มีพระปัญญาล้ำเลิศ​จนสามารถจำแนกธรรมที่ลึกซึ้งให้เป็นที่เข้าใจง่าย​และ​มีพระกรุณาธิคุณจำแนกแจกจ่ายคำสั่งสอนแก่​เวไนยสัตว์ให้รู้ตาม​

พระพุทธคุณ​ทั้ง​๙ ประการนี้​สรุปลงเป็น ๓ ประการ​คือ

๑. ​พระวิสุทธิคุณ​คือ​ความบริสุทธิ์​อันได้แก่​พระคุณข้อที่​๑, ๓ และ ๙
๒. ​พระปัญญาคุณ คือ​ปัญญา​อันได้แก่​พระคุณข้อที่​ ๒, ๕ และ ๘
๓. ​พระมหากรุณาธิคุณ คือ​พระมหากรุณา​อันได้แก่ พระคุณข้อที่​๔, ๖ และ ๗
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ก.ย. 2550, 02:19:13 โดย สายัณ »

ออฟไลน์ nookerclub36

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 122
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - nookerclub_16@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • เด็กน้อยแห่งหมู่บ้านคาถาอาคม :)
    • อีเมล
ตอบ: พุทธคุณ-อิทธิคุณ???
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 20 ก.ย. 2550, 08:04:04 »
แล้วอิทธิคุณล่ะ???? 

ออฟไลน์ nookerclub36

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 122
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - nookerclub_16@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • เด็กน้อยแห่งหมู่บ้านคาถาอาคม :)
    • อีเมล
ตอบ: พุทธคุณ-อิทธิคุณ???
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 21 ก.ย. 2550, 11:10:48 »
แล้วอิทธิคุณล่ะ?????