เช้าวันที่ 13 ผมได้ไปถึงวัดบางพระประมาณ 6 โมงครึ่ง (ออกจากเพชรบุรี 4.30น.) ไปที่กุฏิหลวงพี่แป๊วก่อนอันดับแรก และก็ไปกวาดหน้ากุฏิหลวงพี่(ตอนนั้นหลวงพี่ยังไม่มา)เสร็จแล้วก็ไปกวาดโบสถ์ได้สักพักก็เดินออกไปที่บริเวณหน้าลานวัดก็เห็นชาวบ้านบางพระมาซื้อของที่มีแม่ค้ามาตั้งขายและเดินขึ้นไปบนศาลา(ไม่ทราบว่าชื่ออะไร ขออภัยมานะที่นี้ดว้ย)
จึงเดินไปถามแม่ค้าว่าวันนี้เขามีการทำอะไรกันครับ ได้คำตอบว่าวั้นนี้มีการทำบุญวันพระใหญ่โดยที่วัดจะมีชาวบ้านมาทำบุญกันทุกวันพระขึ้นและแรม15ค่ำ จึงได้ทำบุญโดยการถวายภัตตาหาร1ชุดจากแม่ต้า จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนศาลา เห็นชาวบ้านบางพระซึ่งส่วนมากก็จะเป็นผู้สูงอายุมานั่งรออยุ่หลายคนเมื่อนำอาหารไปวางแล้วจึงไปจุดธูปเทียนที่หน้าพระประธานบนศาลาเสร็จแล้วเดินมารอหลวงพี่แป้วที่หน้ากุฏิอีกครั้ง และก็เห็นหลวงพี่แป๊วเดินเข้ามาหลวงพี่ทักทายผมด้วยรอยยิ้มและถามว่า มาสักหรือเปล่า ผมตอบว่าครับ หลวงพี่จึงบอกว่า งั้นไปกวาดและถูที่บริเวณสถานที่สักให้ด้วยเดี๋ยวหลวงพี่ไปฉันเพลก่อน บ่ายๆจะมา(ขณะนั้นเวลาประมาณ8โมงเช้าครับ)ผมก็จัดแจงไม้กวาดและไม้ถูพื้นทำตามที่หลวงพี่บอก เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปบนศาลาอีกครั้ง(เพราะได้ยินหลวงพี่บอกว่าจะไปฉันเพล)นั่งรอสักพัก พระก็เดินขึ้นมาบนศาลา ก็พยายามมองหาหลวงพี่แป๊วแต่ก็ไม่เห็น(
?)จนกระทั่งพระฉันเช้าแต่ขณะนั้นได้มีหลวงพี่องค์หนึ่งขึ้นมาเทศน์ให้เหล่าชาวบ้านฟัง และ ตั่งแต่ผมจำความได้ว่าผมไม่เคยนั่งฟังเทศน์จนจบ และพอจะจับใจความเรื่องที่ฟังได้มานานมากๆ แต่ว่าวันนี้มาฟังจบและพอจับใจความเรื่องที่ฟังได้บ้างเรื่องที่หลวงพี่นำมาเทศนาให้ฟังคือเรื่องตำนานวันลอยกระทงครับ ฟังเทศน์จบพอดีกับพระฉันเสร็จพอดี หลังจากที่พระสงฆ์เดินลงจากศาลาผมก็มารอที่กุฏิหลวงพี่แป้วอีกครั้งรอสักพัก ก็มีคนที่จำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนที่กุฏิหลวงพี่แป้วมาบอกว่า หลวงพี่ไปฉันเพลที่สุวรรณภูมิ จะกลับมาตอนบ่ายไปพร้อมกับหลวงพี่ติ่ง ผมก็ถึงบางอ้อเลยครับ ผมเลยไปที่กุฏิหลวงพี่ต้อย ลูกศิษบอกว่าหลวงพี่ไปข้างนอกจะกลับมาเมื่อไหร่ไม่รู้(เอาแล้วเรา! งานเข้า!)ตอนนั้ผมคิดว่าหลวงพี่ต้อยไม่อยู่หลวงพี่ญาคงจะไม่อยู่เหมือนกัน ผมจึงเดินไปกราบนมัสการหลวงพ่อเปิ่นต่อหน้าสังขาล หลวงพ่อ ขอพรให้หลวงพ่อคุ้มครองบรรดาลูกศิษทุกคน และก็ขับรถกลับบ้านในตัวเมืองนครปฐมครับ