ผู้เขียน หัวข้อ: กสิณ ๑๐ กอง + (สำหรับคุณเปียกปูน และทุกคน)  (อ่าน 1994 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ NaMaPaTa

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 90
  • เพศ: ชาย
  • { ลูกหลวงพ่อบ้านแหลม }.....(((ศิษฐ์หลวงพ่อเปิ่น)))
    • MSN Messenger - SIT1802@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
กสิณ ๑๐ กอง? ?:075:

ปฐวีกสิณ? ? ? ? ? ? ? ? เพ่งดิน
อาโปกสิณ? ? ? ? ? ? ? ?เพ่งน้ำ
เตโชกสิณ? ? ? ? ? ? ? ?เพ่งไฟ
วาโยกสิณ? ? ? ? ? ? ? ?เพ่งลม
นิลกสิณ? ? ? ? ? ? ? ? ? เพ่งสีเขียว
โลหิตกสิณ? ? ? ? ? ? ? เพ่งสีแดง
ปิตกสิณ? ? ? ? ? ? ? ? ? เพ่งสีเหลือง
โอทากสิณ? ? ? ? ? ? ? ?เพ่งสีขาว
อาโลกกสิณ? ? ? ? ? ? ?เพ่งแสงสว่าง
อากาสกสิณ? ? ? ? ? ? ?เพ่งอากาศ

-----------------------------------
ปฐวีกสิณ กสิณนี้? ? ? ?ท่านเรียกว่า ปฐวีกสิณ เพราะมีการเพ่งดินเป็นอารมณ์?
ศัพท์ว่า "ปฐวี" แปลว่า "ดิน"?
กสิณแปลว่า "เพ่ง" รวมความแล้วได้ว่า "เพ่งดิน"

-----------------------------------
อาโปกสิณ อาโปกสิณ อาโป แปลว่า "น้ำ" กสิณ แปลว่า "เพ่ง" อาโปแปลว่า "เพ่งน้ำ"?
กสิณน้ำมีวิธีปฏิบัติดังต่อไปนี้?
ท่านให้เอาน้ำที่สะอาด ถ้าได้น้ำฝนยิ่งดี ถ้าหาน้ำฝนไม่ได้ท่านให้เอาน้ำที่ใส แกว่งสารส้มก็ได้ อย่าเอาน้ำขุ่น หรือมีสีต่าง ๆ มา?
ท่านให้ใส่น้ำในภาชนะ เท่าที่จะหาได้ ใส่ให้เต็มพอดี อย่าให้พร่อง?
การนั่ง หรือเพ่ง มีอาการอย่างเดียวกับปฐวีกสิณ จนกว่าจะเกิดอุคคหนิมิต
อุคคหนิมิตของอาโปกสิณนี้ ปรากฏเหมือนน้ำไหวกระเพื่อม
สำหรับปฏิภาคนิมิต ปรากฏเหมือนพัดใบตาลแก้วมณี คือ ใสมีประกายระยิบระยับ
เมื่อถึงปฏิภาคนิมิตแล้ว จงเจริญต่อไปให้ถึงจตุตถฌาน?
บทภาวนา ภาวนาว่า "อาโปกสิณัง"

-----------------------------------
เตโชกสิณ เตโชกสิณ แปลว่า "เพ่งไฟเป็นอารมณ์"?
กสิณนี้ท่านให้ทำดังต่อไปนี้?
ท่านให้จุดไฟให้ไฟลุกโชน?
แล้วเอาเสื่อ หรือหนังมาเจาะทำเป็นช่องกว้าง ๑ คืบ ๔ นิ้ว แล้ววางเสื่อหรือหนังนั้นไว้ข้างหน้า
ให้เพ่งพิจารณาไปตามช่องนั้น การนั่งสูง หรือระยะไกลใกล้ เหมือนกันกับปฐวีกสิณ?
การเพ่ง อย่าเพ่งเปลวไฟที่ไหวไปมา ให้เลือกเพ่งแต่ไฟที่มีแสงหนาทึบ ที่ปรากฏตามช่องนั้นเป็นอารมณ์
ภาวนาว่า เตโชกสิณังๆ ๆ ๆ ๆ หลายๆ ร้อยพันครั้ง จนกว่านิมิตจะเป็นอุคคหนิมิต และ ปฏิภาคนิมิต
อุคคหนิมิตปรากฏเป็นดวงเพลิงตามปกติ?
สำหรับปฏิภาคนิมิตนั้น มีรูปคล้ายผ้าแดงผืนหนา หรือ คล้ายกับพัดใบตาลที่ทำด้วยทอง หรือเสาทองคำที่ตั้งอยู่ในอากาศ?
เมื่อได้ปฏิภาคนิมิตแล้วท่านจงพยายามทำให้ถึงจตุตถฌานเถิด ผลที่ตั้งใจไว้จะได้รับสมความปรารถนา
?
-----------------------------------
วาโยกสิณ วาโยกสิณ แปลว่า "เพ่งลม"?
การถือเอาลมเป็นนิมิตนั้น ท่านกล่าวว่าจะถือเอาด้วยการเห็นหรือจะถือเอาด้วยการกระทบก็ได้
การกำหนดถือเอาด้วยการเห็น ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดถูกต้องปลายหญ้าหรือปลายไม้เป็นอารมณ์เพ่งพิจารณา
การถือด้วยการถูกต้องกระทบ ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดมากระทบตัวเป็นอารมณ์ สมัยนี้
การถือเอาลมกระทบจะให้พัดลมเป่าแทน ลมพัด หรือถือเอาการเห็นต้นหญ้าต้นไม้ที่ไหวเพราะลมพัด
จะใช้ลมเป่าให้ไหวแทนลมธรรมชาติก็ได้?
เมื่อเพ่งพิจารณาอยู่ให้ภาวนาว่า วาโยกสิณังๆ ๆ ๆ? ? ?
อุคคหนิมิตของวาโยกสิณนี้ ปรากฏว่ามีการไหวๆ คล้ายกับ กระไอ แห่งการหุงต้ม ที่มีไอปรากฏมากระทบจักษุ
พูดให้ชัดเข้าก็คือ มีปรากฏการณ์คล้ายตามองเห็นไอน้ำที่ต้มเดือดแล้วนั้นเอง มีอาการปรากฏขึ้นอย่างนั้น
สำหรับปฏิภาคนิมิต มีอาการปรากฏภาพเหมือนไอน้ำที่ลอยขึ้น แต่ไม่เคลื่อนไหวหรือคล้ายกับก้อนเมฆบาง
ที่ลอยอยู่คงที่นั้นเอง อาการอื่นนอกนี้เหมือนปฐวีกสิณ
?
-----------------------------------
นิลกสิณ นิลกสิณ แปลว่า "เพ่งสีเขียว"?
ท่านให้ทำสะดึงขึงด้วยผ้าหรือหนังกระดาษก็ได้แล้วเอาสีเขึยวทา หรือจะเพ่งพิจารณา สีเขียวจากใบไม้ก็ได้ ทำเช่นเดียวกับปฐวีกสิณ?
อุคคหนิมิต เมื่อเพ่งภาวนาว่า นีลกสิณังๆ ๆ ๆ?
อุคคหนิมิตนั้น ปรากฏเป็นรูปที่เพ่งนั่นเอง

-----------------------------------
ปีตกสิณ? ปีตกสิณ แปลว่า "เพ่งสีเหลือง"?
การปฏิบัติทุกอย่างเหมือนนีลกสิณ แต่อุคคหนิมิตเป็นสีเหลือง ปฏิภาคนิมิตเหมือนนีลกสิณ นอกนั้นเหมือนกันหมด?
บทภาวนา ภาวนาว่าเป็น ปีตกสิณังๆ ๆ

-----------------------------------
โลหิตกสิณ โลหิตกสิณ แปลว่า "เพ่งสีแดง"?
บทภาวนา ภาวนาว่า โลหิตกสิณังๆ ๆ ๆ?
นิมิตที่จัดหามาเพ่งจะเพ่งดอกไม้สีแดง หรือเอาสีแดงมาทาทับกับสะดึงก็ได้
อุคคหนิมิต เป็นสีแดง
ปฏิภาคนิมิต เหมือนนีลกสิณ

-----------------------------------
โอทากสิณ โอทากสิณ แปลว่า "เพ่งสีขาว"?
บทภาวนา ภาวนาว่า โอทาตกสิณังๆ ๆ ๆ?
สีขาวที่จะเอามาเพ่งนั้น จะหาจากดอกไม้ หรืออย่างอื่นก็ได้ตามแต่จะสะดวก หรือจะทำเป็นสะดึงก็ได้
นิมิตทั้งอุคคหนิมิต และปฏิภาคนิมิต ก็เหมือนนีลกสิณ เว้นไว้แต่อุคคหนิมิต เป็นสีขาวเท่านั้นเอง

-----------------------------------
อาโลกสิณ อาโลกสิณ แปลว่า "เพ่งแสงสว่าง"?
ท่านให้หาแสงสว่างที่ลอดมาตามช่องฝา หรือช่องหลังคา หรือเจาะเสื่อลำแพน หรือหนังให้เป็นช่องเท่า ๑ คืบ ๔ นิ้ว ตามที่กล่าวในปฐวีกสิณ?
แล้วภาวนาว่า อาโลกสิณังๆ ๆ ๆ อย่างนี้ จนอุคคหนิมิตปรากฏ?
อุคคหนิมิตของอาโลกสิณ เป็นแสงสว่างที่เหมือนรูปเดิมที่เพ่งอยู่?
ปฏิภาคนิมิตนั้น ปรากฏเป็นแสงสว่างหนาทึบ เหมือนกับเอาแสงสว่าง มากองรวมกันไว้ที่นั่น
แล้วต่อไปขอให้นักปฏิบัติจงพยายาม ทำให้เข้าถึงจตุตถฌาน เพราะข้อความที่จะกล่าวต่อไปก็เหมือนกับที่กล่าวมาแล้วในปฐวีกสิณ
?
-----------------------------------
อากาสกสิณ? อากาสกสิณ แปลว่า "เพ่งอากาศ"?
อากาสกสิณนี้ ภาวนาว่า อากาสกสิณังๆ ๆ?
ท่านให้ทำเหมือนในอาโลกกสิณ คือ เจาะช่องฝาเสื่อหรือหนัง หรือมองอากาศ
คือความว่างเปล่าที่ลอดมาตามช่องฝา หรือหลังคา หรือตามช่องเสื่อ หรือผืนหนัง?
โดยกำหนดว่า อากาศๆ ๆ จนเกิดอุคคหนิมิตซึ่งปรากฏเป็นช่องตามรูปที่กำหนด?
ปฏิภาคนิมิตนั้น ปรากฏคล้ายอุคคหนิมิต แต่มีพิเศษที่บังคับให้ขยายออกให้ใหญ่เล็ก สูงต่ำได้ตามความประสงค์ คำอธิบายอื่นก็เหมือนกสิณอื่น
?
---------------------------------------
อานุภาพกสิณ ๑๐
 
? ? ? ? ?กสิณ ๑๐ ประการนี้ เป็นปัจจัยให้แสดงฤทธิ์ต่าง ๆ ตามนัยที่กล่าวมาแล้วในอภิญโญ เมื่อบำเพ็ญปฏิบัติใน
กสิณกองใดกองหนึ่งสำเร็จถึงจตตุถฌานแล้ว ก็ควรฝึกตามอำนาจที่กสิณกองนั้นมีอยู่ให้ชำนาญ
ถ้าท่านปฏิบัติถึงฌาน ๔ แล้ว แต่มิได้ฝึกอธิษฐานต่างๆ ตามแบบ ท่านว่าผู้นั้นยังไม่จัดว่าเป็นผู้เข้าฌานถึงกสิณ

-----------------------------------
? ? ? ? อำนาจฤทธิ์ในกสิณต่างๆ มีดังนี้
ปฐวีกสิณ? ? ? มีฤทธิ์ดังนี้ เช่น นิรมิตคนๆ เดียวให้เป็นคนมากได้ ให้คนมากเป็นคนๆ เดียวได้ ทำน้ำและอากาศให้แข็งได้?
อาโปกสิณ? ? ?สามารถนิรมิตของแข็งให้อ่อนได้ เข่นอธิษฐานสถานที่เป็นดินหรือหรือหินที่กันดารน้ำให้เกิดบ่อน้ำ
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? อธิษฐานหินดินเหล็กให้อ่อน อธิษฐานในสถานที่ฝนแล้วให้เกิดฝนอย่างนี้เป็นต้น?

เตโชกสิณ? ? ?อธิษฐานให้เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญหรือให้เกิดแสงสว่างได้ ทำแสงสว่างให้เกิดแก่จักษุญาณ
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? สามารถเห็นภาพต่าง ๆ ในที่ไกลได้คล้ายตาทิพย์ ทำให้เกิดความร้อนในที่ทุกสถานได้?
วาโยกสิณ? ? ?อธิษฐานจิตให้ตัวลอยตามลม หรืออธิษฐานให้ตัวเบา เหาะไปในอากาศก็ได้
? ? ? ? ? ? ? ? ? ? สถานที่ใดไม่มีลมอธิษฐานให้มีลมได้?

นีลกสิณ? ? ? ? สามารถทำให้เกิดสีเขียว หรือทำสถานที่สว่างให้มืดครึ้มได้?
ปีตกสิณ? ? ? ? สามารถนิรมิตสีเหลืองหรือสีทองให้เกิดได้ ?
โลหิตกสิณ? ? สามารถนิรมิตสีแดงให้เกิดได้ตามความประสงค์?
โอทากสิณ? ? สามารถนิรมิตสีขาวให้ปรากฏ และทำให้เกิดแสงสว่างได้ เป็นกรรมฐาน
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?ที่อำนวยประโยชน์ในทิพยจักขุญาณ เช่นเดียวกับเตโชกสิณ?

อาโลกสิณ? ? นิรมิตรูปให้มีรัศมีสว่างไสวได้ ทำที่มืดให้เกิดแสงสว่างได้เป็นกรรมฐานสร้างทิพยจักขุญาณโดยตรง?
อากาสกสิณ? สามารถอธิษฐานจิตให้เห็นของที่ปกปิดไว้ได้ เหมือนของนั้นวางอยู่ในที่แจ้ง
? ? ? ? ? ? ? ? ? ?สถานที่ใดเป็นอับด้วยอากาศ สามารถอธิษฐานให้เกิดความโปร่งมีอากาศสมบูรณ์เพียงพอแก่ความต้องการได้?

 -----------------------------------
วิธีอธิษฐานฤทธิ์
1. วิธีอธิษฐานจิตที่จะให้เกิดผลตามฤทธิ์ที่ต้องการท่านให้ทำดังต่อไปนี้ ท่านให้เข้าฌาน ๔ ก่อน
2. แล้วออกจากฌาน ๔
3. แล้วอธิษฐานจิตในสิ่งที่ตนต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น
4. แล้วกลับเขาฌาน ๔ อีก
5. ออกจากฌาน ๔
6. แล้วอธิษฐานจิตทับลงไปอีกครั้ง สิ่งที่ต้องการจะปรากฏสมความปรารถนา

 -----------------------------------
? ? (จบกสิณ ๑๐ แต่เพียงเท่านี้)? ?:074:
? ? ?จากหนังสือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี
ที่มาจาก----> www.banfun.com
? ? :075:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 พ.ย. 2549, 11:52:17 โดย NaMaPaTa »
อิติปิโสวิเสเสอิ�� � � อิเสเสพุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิ� � � อิโสตังพุทธะปิติอิ

ออฟไลน์ ผู้น้อยขออาศัย

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 28
  • เพศ: ชาย
  • เสืออยู่ที่ไหนก็คือเสือ
    • MSN Messenger - konickky@hotmail.com
    • AOL Instant Messenger - ไม่มี
    • Yahoo Instant Messenger - ไม่มี
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: กสิณ ๑๐ กอง +(คุณเปียกปูน และทุกๆคน)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 01 พ.ย. 2549, 05:21:22 »
ขอบคุณความรู้ ที่แบ่งปันกันนะครับ โอกาสหน้าเชิญอีกคร๊าฟ อิอิ :o
ผู้น้อยขอแค่อาศัยไม่เรื่องมาก� ทุกคนในนี้ถือว่าเปนผู้ที่มีความดีในตัว

ข้าพเจ้าจึงได้โปรดขอความรู้ของท่าน และแบ่งปันในความรู้ของกระผม

ออฟไลน์ ~EN13~

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 301
  • เพศ: ชาย
  • รักและเคารพ ศิษย์วัดบางพระทุกคนครับ^ ^
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: กสิณ ๑๐ กอง +(คุณเปียกปูน และทุกๆคน)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 01 พ.ย. 2549, 07:36:33 »
เยี่ยมเรยคับ


สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต