:059:พระพิรุณ พรั่งพรู ลงสู่พื้น
จากดึกดื่น เรื่อยมา จนฟ้าสาย
ให้เปียกปอน หนาวเหน็บ ไปทั่วกาย
เย็นพระพาย พัดพา มาร่วมกัน
นั่งเพ่งมอง สายฝน หล่นจากฟ้า
แล้วนำมา เป็นนิมิต จิตสร้างสรรค์
สมาธิ เกิดขึ้น โดยฉับพลัน
เห็นฝนนั้น แต่ละหยด ที่รดมา
จับนิมิต อาโป ในโอกาศ
มิให้พลาด จากจิต คิดสรรค์หา
เอาวิกฤต เป็นโอกาศ ทุกเวลา
ภาวนา เพ่งนิมิต จิตสงบ
สงบนิ่ง ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว
พึงพอใจ ในสิ่ง ที่ได้พบ
ภาวนา ต่อไป ไม่รู้จบ
ทำจนครบ เวลา หน้าที่เรา
แล้วถอนจิต มาพินิจ คิดปัญหา
ให้ปัญญา เกิดขึ้น แก่โง่เขลา
ทำกายจิต ให้โปร่ง และโล่งเบา
แล้วนำเอา ธรรมะ พิจารณา
ยกขันธ์ห้า มาพินิจ คิดวิเคราะห์
เพื่อให้เหมาะ เหตุการณ์ และปัญหา
สังขารขันธ์ นั้นเสื่อม ตามเวลา
เพราะผ่านมา ยาวนาน จึงร่วงโรย
จากเด็กน้อย เป็นหนุ่มสาว จนเฒ่าแก่
สังขารแย่ เพราะผ่าน การหิวโหย
ด้วยกิเลส ตัณหา ดั่งฝนโปรย
จึ่งร่วงโรย เพราะผ่าน กาลเวลา
เสียงระฆัง ดังมา พาปลุกจิต
ถอนความคิด ปรับจิต รับปัญหา
มีเหตุการณ์ มากมาย จะเข้ามา
จึงขอลา ออกไปพบ กับความจริง...
:054:แด่อารมณ์ศิลป์จินตกวีในยามเช้า
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๖.๕๕ น. ณ กุฏิน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย