:059:เสียงบ่น บนเถียงนา
ฟ้ามืดเดือนหม่นดาวดับ ล่วงเลยลาลับ
สิ้นแล้วซึ่งฤดูฝน
แดดจ้าแผดเผาร้อนรน ข้าวกล้าหมองหม่น
รอฝนจากฟ้าปราณี
นาแล้งแห้งไปทุกที่ ชอกช้ำชีวี
ปีนี้คงต้องขาดทุน
ไร้ซึ่งคนช่วยอุดหนุน ช่วยเหลือเจือจุน
ข้าวกล้ากำลังแห้งตาย
ชีวิตไร้ซึ่งจุดหมาย โดดเดี่ยวเดียวดาย
ข้าวคงไม่พอจะกิน
ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือขายผืนดิน
สิ้นสุดชีวิตชาวนา
เหนื่อยกายเหนื่อยใจอ่อนล้า ชีวิตผ่านมา
มีแต่แย่ลงทุกที
เพิ่มขึ้นทุกวันคือหนี้ ดอกเบี้ยทวี
ทิ้งนาหางานในเมือง
หนักเบาเอาแทบทุกเรื่อง ชีวิตฝืดเคือง
หาได้พอใช้รายวัน
พบเห็นเป็นอยู่เช่นนั้น เสียงบ่นรำพัน
แว่วดังมาจากเถียงนา
เหม่อมองไปบนท้องฟ้า รอฝนตกมา
บนบานสานกล่าวอ้อนวอน
ฝนฟ้าทิ้งช่วงขาดตอน ชาวนาเดือดร้อน
หวังพึ่งทวยเทพเทวา
นั่งบ่นอยู่บนเถียงนา กับโชคชะตา
จึงมาเล่าสู่กันฟัง
..................................................
:059:สงสารและเห็นใจแต่ช่วยอะไรไม่ได้ คงต้องหวังพึ่งเทวดา
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๒๐.๐๕ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย
ป.ล.ไม่ได้แต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ มานานแล้ว เลยลองแต่งดู เพื่อทบทวนความจำ