การฝึกจิตและการใช้พลังจิต 5/6
อภิสังขารมาร
คือ การปรุงแต่งจิตต่างๆ เพราะแท้แล้วธรรมะนั้นเปลือยเปล่า มีอยู่แล้วรอบตัวตามธรรมชาติไม่ต้องค้นหาใดๆ ปรากฏให้เห็นอย่างไม่มีการปกปิดและไร้การเสริมแต่งใดๆ เมื่อบุคคลเห็นธรรมะแท้ที่บริสุทธิ์ไม่ถูกปรุงแต่งแต้มใดๆ ก็จะบรรลุโดยฉับพลัน ซึ่งจิตจะเข้าใจเห็นธรรมได้ในระดับนี้ จิตจำต้องบริสุทธิ์ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดๆ เช่นกัน การบรรลุธรรมระดับนี้ จะพบในผู้มีปัญญาสูง มีจิตบริสุทธิ์ ก่อกรรมน้อยเป็นส่วนใหญ่
มัจจุราชมาร
คือ ความกลัวตายอาลัยโลก อาลัยชีวิต หากผู้บำเพ็ญเพียรทางจิตมีความกลัวตายอาลัยชีวิต อาลัยโลกแล้วจะไม่บรรลุการฝึกจิตขั้นสูงสุด เมื่อผ่านด่านความกลัวตาย จะพบว่าความตายไม่น่ากลัว เป็นสิ่งที่คุ้นเคยและเข้าใจได้ง่าย จึงมีชัยชนะเหนือมัจจุราชมาร เฉกเช่น พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ ย่อมปรากฏมารทั้งห้ามาก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ธรรม จึงรู้ได้ว่าผ่านการฝึกจิตขั้นสูงสุดแล้วนั่นเอง สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้บำเพ็ญเพียรเพื่อพุทธภูมินั้น (ไม่มุ่งหวังเป็นพระพุทธเจ้า) ไม่จำเป็นต้องพบมารครบทั้งห้า เพียงเอาชนะด่านมารได้เพียงด่านเดียวก็สามารถบรรลุธรรมได้แล้ว เช่น ผ่านด่านการกลัวตาย จะคิดได้ว่าสุดท้ายคนเราก็ตาย จะหมดสิ้นความอาลัยของในโลกและชีวิต ความยึดมั่นและความอยากในกิเลสจะดับสิ้นหมด ดังที่เราเรียกว่า ตายก่อนตาย หรือ ดับก่อนดับ นั่นเอง นั่นแหละจึงมั่นใจได้ว่าบรรลุธรรมแล้วจริงๆ
กิเลสมาร
คือ กิเลสทั้งสามประการอันได้แก่ โลภะ, โทสะ, โมหะ ในใจของผู้ฝึกจิตนั่นเอง หากผู้ฝึกจิตมีกำลังจิตสูงมีอิทธิฤทธิ์มาก แต่มีความหลงในลาภยศสรรเสริญ หรือเครื่องลาภสักการะแล้ว ย่อมจะไม่อาจผ่านด่านมารด่านนี้ได้ จำต้องพ่ายแพ้กิเลสมารไป จำต้องมีชัยชนะเหนือความ โลภ, โกรธ, และหลง นั่นแหละจึงมั่นใจได้ว่าบรรลุแล้ว
ขันธมาร
คือ ขันธ์ทั้งห้าประการ อันเป็นเครื่องพรางลวงตา บดบังไม่ให้เห็นธรรม อันได้แก่ รูปขันธ์ที่ชวนให้หลงใหลแต่ไม่แน่นอน, เวทนาขันธ์ที่รบกวนจิตแปรเปลี่ยนอยู่ตลอด, สัญญาขันธ์ที่ปรุงแต่งธรรมจนไม่เห็นธรรมเนื้อแท้, สังขารขันธ์ที่หยาบและเป็นเปลือกหุ้มธรรมแท้ข้างใน และวิญญาณขันธ์ที่มีขีดจำกัดทำให้การรับรู้แคบดั่งมีภาพมายาหลอกหลอน เมื่อผ่านด่านขันธมารได้ ย่อมมีโอกาสสำเร็จการฝึกจิตขั้นสูงสุด
เทวบุตรมาร
คือ ความหลงเพลินในอิทธิฤทธิ์, ผลบุญ, สวรรค์วิมาน ฯลฯ ต่างๆ เมื่อผู้ฝึกจิตขั้นสูงสามารถสัมผัสได้ถึงสวรรค์ที่สวยงามน่าหลงใหลกว่าโลกใบนี้ได้ สัมผัสได้ถึงผลบุญ, เห็นกายทิพย์, ของทิพย์, อาหารทิพย์ที่สวยงาม และอภิญญาต่างๆ เกิดความยึดติดในสวรรค์ เรียกว่าพ่ายแพ้แก่เทวบุตรมาร อันเทวบุตรมารนี้มีตัวตนจริง อยู่บนสวรรค์ ก่อนที่จะหลุดพ้นเหนือสวรรค์ชั้นต่างๆ ไป ผู้ฝึกจิตขั้นสูงมากจริงๆ เช่น พระโพธิสัตว์เมื่อจิตจะกลับสู่จิตเดิมแท้ จิตจะสื่อกับมิติอื่นๆ ได้ เรียกว่า มีภูมิจิตเทียบเท่าภพๆ หนึ่ง จะย้อนระลึกเรื่องราวในภพนั้นๆ หรือ จิตส่งกระแสออกไปถึงภพนั้นๆ ดังนี้ จะผ่านด่านสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัสตี ซึ่งจะมี เทวบุตรมาร อยู่ เทวบุตรมารเมื่อเห็นกระแสจิตผู้ฝึกสูงถึงขั้นนี้แล้ว ก็จะพยายามดึงรั้งไว้เพื่อให้เป็นพวกเดียวกับตน ด้วยความริษยาไม่อยากให้ผู้อื่นใดสูงกว่าตนนั่นเอง นี่คือหน้าที่ของภาคมารที่มีต่อสมดุลจักรวาล ที่จะเป็นผู้ทดสอบด่านสุดท้ายของผู้ฝึกจิตขั้นสูง ก่อนบรรลุโพธิสัตว์ธรรม
อนึ่ง ต้องเข้าใจว่าการบรรลุธรรมมีหลายระดับตามระดับจิตที่บำเพ็ญเพียรมา หากจิตนั้นเป็น สาวกภูมิจิต การบรรลุธรรม จะบรรลุเพียง อรหันตสาวก คือ พ้นทุกข์และการเวียนว่ายตายเกิด แต่หากจิตนั้นบำเพ็ญเพียรเหนือกว่าขึ้นไป เช่น โพธิจิต เมื่อบรรลุธรรม จะบรรลุ โพธิสัตว์ธรรม ซึ่งจะสูงกว่า อรหันต์สาวก และหากการบรรลุโพธิสัตว์ธรรมนั้น เป็นการบรรลุโดยบุญบารมีที่สะสมมาทั้งหมดในชาติสุดท้าย จะเรียกว่า ตรัสรู้ธรรม คือ ได้ สัพพัญญูญาณ ผู้รู้ทุกสิ่ง ผู้ที่มีจิตพุทธะที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพุทธะเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง ส่วนหนึ่งของธรรมใหญ่ แต่ดวงจิตนั้นยิ่งใหญ่เทียบเท่าสรรพสิ่ง จิตพุทธะนั้นๆ จึงเทียบเท่าธรรมใหญ่ จึงรู้ได้ทุกสรรพสิ่งนั่นเอง
ที่มา
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=119949