ธรรมะอินเทรนด์ : ภาค ๒ กรณีศึกษา (๒)วันพุธ ที่ 15 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
ข้อความในศิลาจารึกที่พระองค์โปรดให้จัดทำขึ้นในเวลาต่อมา บันทึกเหตุการณ์สำคัญอันเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในคราวนั้นเอาไว้ว่า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปริยทรรศี ผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ เมื่ออภิเษกแล้วได้ ๘ พรรษา ทรงมีชัยปราบแคว้นกลิงคะลงได้ จากแคว้นกลิงคะนั้นประชาชนจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนได้ถูกจับไปเป็นเชลย จำนวนประมาณหนึ่งแสนคนถูกฆ่า และอีกหลายเท่าของจำนวนนั้นได้ล้มตายไป
นับแต่กาลนั้นมาจนบัดนี้ อันเป็นเวลาที่แคว้นกลิงคะได้ถูกยึดครองแล้วการทรงประพฤติปฏิบัติธรรม ความมีพระทัยใฝ่ธรรม และการทรงอบรมสั่งสอนธรรม ก็ ได้เกิดมีขึ้นแล้วแก่พระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ
การที่ได้ทรงปราบปรามแคว้นกลิงคะลงนั้น ทำให้พระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ ทรงมีความสำนึกสลดพระทัย... ในคราวยึดครองแคว้นกลิงคะนี้ จะมีประชาชนที่ถูกฆ่าล้มตายลง และถูกจับเป็นเชลยเป็นจำนวนเท่าใดก็ตาม แม้เพียงหนึ่งในร้อยส่วน หรือหนึ่งในพันส่วน (ของจำนวนที่กล่าวนั้น) พระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ ย่อมทรงสำนึกว่า เป็นกรรมอันร้ายแรงยิ่ง...
สำหรับพระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ ชัยชนะที่ทรงถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดได้แก่ ธรรมวิชัย (ชัยชนะโดยธรรม) และธรรมวิชัยนั้น พระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพได้ทรงกระทำสำเร็จแล้ว ทั้ง ณ ที่นี้ (ในพระราชอาณาเขตของพระองค์เอง) และในดินแดนข้างเคียงทั้งปวง ไกลออกไป ๖๐๐ โยชน์...
ทุกหนทุกแห่ง (ประชาชนเหล่านี้) พากันประพฤติปฏิบัติตามคำสอนธรรมของพระผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ...
ด้วยเหตุเพียงนี้ ชัยชนะนี้เป็นอันได้กระทำสำเร็จแล้วในที่ทุกสถานเป็นชัยชนะอันมีปีติเป็นรส พรั่งพร้อมด้วยความเอิบอิ่มใจ เป็นปีติที่ได้มาด้วยธรรมวิชัย...
ชัยชนะอันแท้จริงนั้น จะต้องเป็นธรรมวิชัยเท่านั้น ด้วยว่าธรรมวิชัยนั้นเป็นไปได้ทั้งในโลกบัดนี้ และโลกเบื้องหน้า
ขอปวงความยินดีแห่งสัตว์ทั้งหลาย จงเป็นความยินดีในความพากเพียรปฏิบัติธรรม เพราะว่าความยินดีนั้น ย่อมอำนวยผลทั้งในโลกบัดนี้ และในโลกเบื้องหน้า
ในคัมภีร์สมันตปาสาทิกา (วินย.อ.๑/๔๓) ผลงานของพระพุทธโฆษาจารย์เล่าถึงแรงจูงใจในการที่ทรงหันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาว่า (นอกจากเกิดจากความสลดพระทัยในหายนะภัยที่เกิดแต่สงครามแล้ว)
พระองค์ได้ทรงพบกับกัลยาณมิตร คือ สามเณรนิโครธซึ่งเป็นพระนัดดาของท้าวเธอเอง ในการพบปะกันในวันหนึ่ง ทรงสอบถามถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า สามเณรนิโครธ ได้แสดงหลักธรรมเรื่อง ความไม่ประมาท อันเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาให้พระองค์สดับ หลังจากทรงสดับแล้ว ทรง คิดได้ (โยนิโสมนสิการ) จึงทรงหันมาปฏิวัติการใช้ชีวิตของพระองค์ชนิดตรงกันข้ามกับที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง ทรงเปลี่ยนพระองค์เองจาก อโศกทมิฬ มาเป็น ศรีธรรมาโศกราช (พระเจ้าอโศกผู้ทรงเป็นศรีแห่งธรรม) พระพุทธวัจนะในพระธรรมบทที่มีผลต่อการเปลี่ยนพระทัยมานับถือพระพุทธศาสนาของพระองค์มีอยู่หนึ่งบท ประกอบด้วยสี่บาท ดังนี้
ความไม่ประมาทเป็นทางไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย คนไม่ประมาทไม่มีวันตาย คนประมาทไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว ความเสียหายอันใหญ่หลวงในสงครามที่ทำให้สลดพระทัยเมื่อมาบวกกับพุทธธรรมจากกัลยาณมิตรอย่างสามเณรนิโครธ คงจะทำให้พระเจ้าอโศกทรงหันกลับมาพิจารณาชีวิตของพระองค์อย่างลึกซึ้ง ว่ามรรคาที่ทรงดำเนินอยู่นั้น เป็นหนทางอันตราย เป็นวิถีแห่งการก่อทุกข์ ก่อเวรกรรมอันใหญ่หลวงแก่เพื่อนมนุษย์ ยังความเสียหายเกินประมาณให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ทรัพย์สิน ครอบครัว และบั่นทอนสันติภาพ สันติสุขของสรรพชีพ สรรพสัตว์โดยแท้ นับแต่วันที่ทรงสลดพระทัยและได้อาศัยการแนะนำจากกัลยาณมิตรแล้ว ต่อมาทรงฝักใฝ่พระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้นถึงขนาดที่ทรงศึกษาพระพุทธศาสนาด้วยพระองค์เองจากพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ซึ่งเป็นพระอรหันต์แห่งยุคสมัย ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพก็ถึงกับทรงสละราชสมบัติชั่วคราวมาบวชเป็นภิกษุในบวรพุทธศาสนา.
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี
ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=145042&categoryID=671