ถ้าคิดจะไปสายราชการแนะนำให้สักน้ำมันไปก่อนครับ ได้เป็นข้าราชการแล้วค่อยไปลงหมึกก็ไม่เสียหลายครับ ซึ่งจริงๆแล้วหน่อยงานราชการไม่ได้มีระเบียบหรือข้อกำหนดบังคับไว้เลย แต่สาเหตุที่หน่วยงานราชการส่วนใหญ่ไม่รับคนสักยันต์เข้าทำงาน คงมีสาเหตุเนื่องมาจากประเพณีปฏิบัติแต่อดีตที่ผ่านมา และพื้นฐานความคิดดั้งเดิมของสังคมไทยในอดีตที่อาจมองว่าคนสักยันต์จะเป็นพวกนักเลงหรืออันธพาล จึงไม่กล้ารับเข้าทำงาน แต่ปัจจุบันนี้ความคิดและทัศนคติของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปเยอะ และสังคมส่วนใหญ่เริ่มเข้าใจแล้วว่าผู้ที่สักยันต์มิได้เป็นนักเลงหรืออันธพาลไปเสียทุกคน ที่เค้าสักยันต์ก็เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ประพฤติตัวเป็นคนดี เคารพคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ แต่ยังมีคนบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจ ฉะนั้นพวกเราในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ และได้รับการสักยันต์(หมึก) ลงบนร่างกายก็ควรที่จะประพฤติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี คือเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีมีศีลธรรม อ่อนน้อมถ่อมตนเคารพและให้เกียรติผู้ที่อาวุโสกว่า ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน เพื่อให้คนในสังคมในส่วนที่ยังมองพวกเราในแง่ไม่ดี ให้เปลี่ยนความคิดและทัศนคติใหม่หันมามองพวกเราในแง่ดีๆบ้าง
จริงๆแล้วไม่ใช่หน่อยราชการเพียงอย่างเดียวที่ปฏิเสธการรับคนสักยันต์เข้าทำงาน หน่อยงานเอกชนหลายๆแห่งยังปิดกั้นตรงนี้อยู่ ตัวผมเองเคยเจอกับตัวเองตอนเรียนจบ ป.ตรี (ม.รามคำแหง) และกำลังจะเข้ารับปริญญาบัตร แต่ระหว่างที่อยู่ในห้องรวมเพื่อเตรียมขึ้นรับปริญญา ปรากฏว่าอาจารย์ที่ควบคุมดูแลบัณฑิตใหม่ หันมาเห็นรอยสักที่มือผม (ธนูมือ + ยันต์กงจักร) ก็เข้ามาต่อว่าต่างๆนาๆ จนเพื่อนๆร่วมรุ่นที่อยู่ในห้องได้ยินก็พากันมองผมด้วยสายตาแปลกๆ อาจารย์บอกว่าจะไม่อนุญาตให้ขึ้นรับปริญญา หากไม่มีอะไรปิดบังให้ไปหาพลาสเตอร์มาติดทับไว้ไม่งั้นจะไม่ให้ขึ้นรับปริญญา เพราะเกรงจะสะท้อนเข้าพระเนตรของสมเด็จพระเทพฯ (แล้วตรูจะไปหาพลาสเตอร์จากที่ไหนฟะ) ซึ่งผมก็ชี้แจงไปว่าในวันซ้อมอาจารย์ไม่ได้ว่าและไม่ได้บอกอะไร สุดท้ายมีเพื่อนข้างๆ เอาพลาสเตอร์ที่เธอนำมาเพื่อติดรองส้นเท้ากันรองเท้ากัด มาให้ผมติดทับรอยสักไว้ ผมจึงได้ขึ้นรับปริญญาบัตร
อีกครั้งตอนเข้าทำงานที่บริษัท(ที่ปัจจุบัน) ตอนสมัครและสัมภาษณ์งาน ผมก็ใส่เสื้อแขนยาวผูกไทม์ และที่มือก็ติดผ้าพันแผลไว้ แกล้งว่าเป็นแผล จนเจ้านายรับเข้าทำงาน ซึ่งก็ไม่มีอะไรจนกระทั่งผ่านทดลองแล้ว เรื่องมาแดงตอนไปตรวจงานที่ต่างจังหวัด ได้พักห้องเดียวกับเจ้านาย ตอนจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำเจ้านายมองเห็นรอยสักที่ตัว ถึงกับอึ้ง มึงไปสักตั้งแต่เมื่อไหร่ (ก็ลายสักมันเต็มตัวทั้งหน้าและหลัง) ผมก็บอกความจริงไป เจ้านายบอกตรูก็ศิษย์หลวงพ่อเปิ่นเหมือนกัน แต่สักน้ำมัน คราวหลังไปวัดชวนตรูด้วยนะ สรุปเจ้านายก็เป็นศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน เลยสบายเท่าทุกวันนี้ครับ