มีองค์ มีหลายแบบแบ่ง ใหญ่ๆ ได้ 2 อย่าง
1 เทพ เทวดา ฤาษี เทพเจ้าองค์ต่างๆ ท่าได้อย่างนี้แล้วก็ดีหรือเรียกว่าแท้ท่านคอยให้ความอนุเคราะห์ สงเคราะห์ลูกหลาย ทั้งรักษาโรค สอนธรรม และช่วยเหลือ สร้างบารมีเพิ่ม ดูง่ายพวกนี้อยู่ในศิล ในธรรม
2 มาร อสูรกายต่าง ผีตายโหง ปอบ ดวงจิตที่ไม่บริสุทธิ์ ดูที่ร่างอาศัยจะไม่สดใสโทรมลง
การรับขันหรือขันธ์ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่ 2เป็นส่วนใหญ่ มาร
เท่าที่รู้มา ร่างทรง มีทั้งหมด ๕ ประเภท
ประเภทแรก คือ มาจากต้นไม้ใหญ่ หมายถึง เทพ หรือมหาเทพ ก็ดี แบ่งพลังงานลงมาเกิด เพื่อทำหน้าที่บางอย่าง หรือในรายที่เป็นพระโพธิสัตว์ อาจจะเป็นการชดใช้กรรม ที่ท่านไปช่วยเหลือสัตว์โลก ซึ่งถือว่าเป็นการเบี่ยงกรรมของสัตว์โลกผู้นั้น ถ้าใครเคยอ่านคำของสมเด็จโต ท่านเคยกล่าวไว้ว่า เมื่อเห็นสุนัขนอนอยู่ อย่าไปข้าม เพราะสุนัขตัวนั้น อาจเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิด ซึ่ง เสมือนกับว่า ท่านอยู่กับบุคคลนั้น ตลอดเวลา ก็เหมือนกับลูกไม้ ตกลงจากต้นไม้ใหญ่
ประเภทสอง เป็นเพราะเทพมีกรรมร่วมกับคน ๆ นั้น ที่จะต้องสร้า้งบุญบารมี ร่วมกัน หรือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ไม่อยู่ประจำ อาจจะเป็นการแบ่งพลังงานส่วนหนึ่งมาคุ้มครอง
ประเภทที่สาม เป็นการที่คน ๆ นั้น เป็นร่างผ่าน เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวบางอย่าง เพียงชั่วขณะ ซึ่ง เป็นเพราะจิตของคน ๆ นั้น อาจมีสื่อบางอย่างที่สามารถติดต่อกันได้
ประเภทที่สี่ เป็นพวกผี เปรต หรือ วิญญาณชั้นต่ำ อ้างชื่อเทพชั้นสูง สภาพร่างกายจะแย่มาก ทำแต่สิ่งไม่ไดี
ประเภทที่ห้า เป็นพวกที่ร่างทรงอ้างเอง ไม่มีวิญญาฯใด ๆทั้งสิ้น
ซึ่งพวกที่ สี่ และ ห้า จะมีเยอะมากในปัจจุบัน
ผู้ที่คิดว่า ตัวเองมีอะไรแปลก ๆ แล้ว หรือ มีคนทักว่า มีองค์ ซึ่งส่วนมาก ผู้ที่ทัก ก็จะเอ่ยชื่อเทพชั้นสูงเสมอ ก่อนอื่น คุณต้องสำรวจตัวคุณเองก่อนว่า จิตของคุณคิดไปเองหรือเปล่า เพราะพวกที่มาทัก จะพูด หรือ ทำให้คุณเชื่อในคำพูดของพวกเขา เกิดอุปทานต่าง ๆ นานา ๆ ในที่สุด ก็จะหลอกให้พวกคุณรับขันธ์ ผมขอบอกเลยว่า คนส่วนมาก เกิดมา จะมีบุพกรรมเก่าติดตัวกันมาทุกคน บางคน อาจจะมีเทพคุ้มครอง บางคนอาจจะเป็นวิญญาณ บรรพบุรุษก็เป็นไปได้ คุณห้ามรับขันธ์เด็ดขาด เพราะตัวคุณเอง ก็มีขันธ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าร่างหนึ่งมีขันธ์ถึงสองชุด จิตคุณจะรับไม่ไหว บางสำนักทรงถ้ามีความสามารถเรื่องไสยศาสตร์จริง ๆ พวกเขาจะส่งบางสิ่งมารังควานคุณ เพื่อให้คุณเดือดร้อน ต้องกลับไปหาพวกเขา ทางแก้ คือ คุณต้องเชื่อมั่นตัวเองเสียก่อน ว่า ร่างกายนี้ คุณมีสิทธิ์มากที่สุดในการถือครอง ฉะนั้น คุณต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง ข้อสอง คุณต้องประพฤติตัวในศีลในธรรม และหมั่นระลึกถึงพระรัตนตรัยเสมอ ข้อต่อมา คุณต้องปฎิบัติสมาธิ ในขณะที่คุณปฎิบัติ ต้องมีครูบาอาจารย์ คอยชี้แนะ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนจิตใจอ่อน ผมขอแนะนำเลยว่า อย่านั่งสมาธิคนเดียว โดยไม่มีครูบาอาจารย์สั่งสอน หรืออย่างน้อยที่สุด ก่อนปฎิบัติสมาธิทุกครั้ง คุณต้องระลึก และอัญเชิญพระสงค์ผู้ปฎิบัติดีมาเป็นครูบาอาจารย์ของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณต้องอัญเชิญและระลึกถึง คือ พระรัตนตรัย