สัจธรรมคือความจริง

สัจธรรมคือความจริง
นี้เป็นสิ่งที่แน่นอน
ไม่ลวงไม่หลอกหลอน
ดำรงมั่นและทานทน
ใครชอบหรือใครชัง
จริงก็ยังเป็นของตน
สัตว์ร้ายกลายเป็นคน
ย่อมเป็นไปมิได้เลย
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑๐ ส.ค.๒๕๖๓

สภาพชื่อว่าจิต

สภาพชื่อว่าจิต
มีความคิดทุกเวลา
คิดดีนำบุญมา
คิดชั่วช้าพาสร้างกรรม
สติควบคุมจิต
ให้ครุ่นคิดในทางธรรม
ปัญญามาช่วยนำ
ย่อมสว่างเห็นทางเดิน
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๙ ส.ค.๒๕๖๓

สุข ทุกข์ อุเบกขา

สุข ทุกข์ อุเบกขา
เวทนาท่านเรียกขาน
พระว่าเป็นตัวการ
นำตัณหามาสู่ใจ
ชอบสุขทำให้จิต
เกิดความคิดอยากจะได้
เห็นทุกข์ว่าเป็นภัย
อยากทำลายให้พ้นทาง
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๘ ส.ค.๒๕๖๓

ร่างกายของมนุษย์

ร่างกายของมนุษย์
พระสัมพุทธตรัสสอนไว้
เป็นที่อันโรคภัย
มาอาศัยใช้ทำรัง
ชรามาร่วมด้วย
ช่วยทำลายให้ผุพัง
ซ้ำยังเป็นที่ตั้ง
แห่งตัณหาอุปาทาน
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๗ ส.ค.๒๕๖๓

เมื่อเราถูกคนด่า

เมื่อเราถูกคนด่า
พระสอนว่ารับฟังไว้
ถ้าจริงรีบแก้ไข
อย่ามีจิตคิดอาธรรม์
ไม่จริงชี้แจงไป
ว่ามิได้เป็นเช่นนั้น
สังคมก็จะพลัน
สิ้นสงสัยหายเกลียดชัง
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๖ ส.ค.๒๕๖๓

อดีตที่ผ่านไป

อดีตที่ผ่านไป
มิอาจให้หวนคืนมา
แต่จำไว้ศึกษา
ก็มีค่าได้เหมือนกัน
เหตุใดจึงวิบัติ
เมื่อรู้ชัดถึงเหตุนั้น
คิดแก้และป้องกัน
ย่อมช่วยตนให้พ้นภัย
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๕ ส.ค.๒๕๖๓

เจดีย์

สิ่งที่ชาวประชา
สร้างกันมาแต่โบราณ
เคารพและสักการ
เขาเรียกขานว่าเจดีย์
คำพระท่านสอนไว้
ขออย่าได้ไปย่ำยี
เพราะการทำอย่างนี้
คือทำร้ายใจประชา
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๔ ส.ค.๒๕๖๓

สรรพสิ่งปราชญ์สอนไว้

สรรพสิ่งปราชญ์สอนไว้
นำมาใช้เกินประมาณ
ล้วนอยู่ได้ไม่นาน
ต้องถึงกาลหมดสิ้นไป
ปัญญากับความดี
ทั้งสองนี้ท่านสอนไว้
ยิ่งนำออกมาใช้
มากเท่าไรก็ยิ่งมี
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๓ ส.ค.๒๕๖๓

สติคอยดูตัว

สติคอยดูตัว
และดูทั่วสรรพสิ่ง
เลือกรับแต่ที่จริง
ที่ลวงหลอกตัดออกไป
ทุกเรื่องทำอย่างนี้
พระมุนีตรัสสอนไว้
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน
ก็ได้พบประสบธรรม
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒ ส.ค.๒๕๖๓

สามัคคี

หลายคนมารวมกัน
โดยมุ่งมั่นทำความดี
เรียกว่าสามัคคี
เป็นความคิดบัณฑิตชน
สิ่งที่ไม่มีโทษ
เกิดประโยชน์แก่ผู้คน
มิใช่ทำเพื่อตน
ควรนิยามว่าความดี
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑ ส.ค.๒๕๖๓