เกิดเป็นเทวดา

เกิดเป็นเทวดา
มักถูกด่าและถูกบ่น
จากพวกปุถุชน
ผู้อับจนซึ่งปัญญา
ฝนตกก็ถูกแช่ง
ยามฝนแล้งก็ถูกด่า
แต่ท่านไม่โกรธา
เพราะเข้าใจนิสัยคน
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑๐ ม.ค.๒๕๖๓

มานะทิฐิและตัณหา

อันมูลเหตุแห่งศึกและสงคราม
ที่ลุกลามเคี่ยวเข็ญตามเข่นฆ่า
เพราะมานะทิฐิและตัณหา
ทั้งสามนี้เข้ามาบัญชาใจ
ความถือดี และมี ความเห็นผิด
อันเกิดจาก ดวงจิต คิดอยากได้
คำของพระ สอนว่า มหาภัย
ทำเรื่องเล็ก ให้ใหญ่ ดุจไฟลาม
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๘ ม.ค.๒๕๖๓

จะร่วมกับฝ่ายใดต้องหนักในเหตุและผล

สงครามความโหดร้าย
ถึงล้มตายเป็นก่ายกอง
มักทำเพื่อสนอง
ตัณหาของคนบางคน
จะร่วมกับฝ่ายใด
ต้องหนักในเหตุและผล
เขาทำเพื่อส่วนตน
หรือทำไปให้ส่วนรวม
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๗ ม.ค.๒๕๖๓

ความแตกสามัคคี

ความแตกสามัคคี
ที่เกิดมีแก่ศัตรู
กลศึกนี้ใช้อยู่
มาทุกยุคทุกสงคราม
คำพูดที่ส่อเสียด
ให้รังเกียจและเหยียดหยาม
สินบนที่งดงาม
อาวุธฆ่าสามัคคี
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๖ ม.ค.๒๕๖๓

ทุกอย่างที่เกินไป

ทุกอย่างที่เกินไป
จะเกินในทางหย่อนยาน
หรือตึงจนเกินการณ์
ล้วนแต่นำความทุกข์มา
เดินตามทางสายกลาง
โดยนำทางด้วยปัญญา
มีใจอหิงสา
ปวงปัญหาจึงดับไป
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๕ ม.ค.๒๕๖๓

จำเยี่ยงของกา

ท่านว่า นิสัยกา
ใช่ชั่วช้าเสียทั้งสิ้น
ขยันออกหากิน
แต่เช้าตรู่อยู่ทุกวัน
ให้จำเยี่ยงของกา
แต่จงอย่าทำตามมัน
ซึ่งทำได้ทั้งนั้น
เพื่อปากท้องเพื่อของกิน
คนไหนทำเหมือนกา
ชาวประชาเขาดูหมิ่น
ศักดิ์ศรีย่อมหมดสิ้น
ถูกก่นด่ากว่ากาดำ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๔ ม.ค.๒๕๖๓

แบกศรัทธา

….มา อนุสฺสเว
……..ฯเปฯ
….มา สมโณ โน ครุ

อันว่า มนุษย์เรา
แบกภูเขาไว้บนบ่า
บางทียังเบากว่า
แบกศรัทธาไว้ในใจ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๓ ม.ค.๒๕๖๓

ทำวัดให้ร่มเย็น

ทำวัดให้ร่มเย็น
ใครพบเห็นสะอาดตา
พระ-เณรงามสง่า
น่าสัทธาน่ากราบไหว้
ถือธรรมพระสัมพุทธ
สำคัญสุดเหนือสิ่งใด
สั่งสอนชาวบ้านไป
ใครทำได้วัดเจริญ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒ ม.ค.๒๕๖๓

สัทธาต้องคู่กับปัญญา

เรา-เขาต่างไม่พร้อม
จะยินยอมให้แก่กัน
ต่างฝ่ายต่างถือมั่น
ในความดีที่สัทธา
สัทธาเหล่าวิญญู
ว่าต้องคู่กับปัญญา
สัทธาจะไร้ค่า
เมื่อปัญญานั้นไม่มี
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑ ม.ค.๒๕๖๓